เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่าจุดสำคัญของโครงการเมกะโปรเจคโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งนั้น อยู่ที่เปิดประมูลเซ็นสัญญา ล้อมรั้วรื้อย้ายสาธารณูปโภค อันเป็นจุดเริ่มต้นการก่อสร้าง เมื่อดำเนินการมาถึงขั้นตอนนี้ถึงพอมั่นใจได้ว่า โครงการนั้นๆ เกิดแน่ มีโอกาสสร้างเสร็จใช้งานจริง หาก Action Plan ยังไม่ถึงขั้นตอนนี้ หลักประกันความสำเร็จมีน้อยมาก แต่ก่อนถึงขั้นตอนนี้อันเปรียบเสมือน “บทสุดท้าย” หรือ “ตอนจบ” ของโครงการ ย่อมติดตามที่โครงการไหนมีความคืบหน้าในการเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี
โครงการเมกะโปรเจคที่ต่อคิวเปิดประมูล
Action Plan 61 ซึ่งระบุว่า โครงการที่มีโอกาสประกวดราคาแล้วเสร็จ หรือเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ภายในปี พ.ศ.2561 จำนวน 23 โครงการ วงเงินการลงทุนรวม 1,107,000 ล้านบาท เป็นโครงการที่อยู่ใน Action Plan 2559 จำนวน 4 โครงการ ใน Action Plan 2560 จำนวน 17 โครงการ และโครงการใหม่ จำนวน 2 โครงการ เมื่อแบ่งตามเป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่ ทางราง จำนวน 17 โครงการ ทางถนน จำนวน 3 โครงการ ทางอากาศ จำนวน 2 โครงการ และโครงการระบบตั๋วร่วม จำนวน 1 โครงการ
งานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งที่มีโอกาสเปิดประมูลในปี 2561 จำนวน 23 โครงการมีดังนี้
1).โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงทางคู่ลพบุรี-ปากน้ำโพ
2).โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย
3). โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงกะเบา-ชุมทางถนนจิระ
4).โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี
5).โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงขอนแก่น-หนองคาย
6). โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี
7).โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วง สุราษฎร์ธานี-หาดใหญ่ -สงขลา
8) โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์
9).โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใหม่ บ้านไผ่-มุกดาหาร-นครพนม
10).โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วง คู่เด่นชัย-เชียงใหม่
11).โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ สายใหม่ เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ
12)โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงนครปฐม-ชุมพร
13).รถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา
14).รถไฟชานเมืองสีแดงเข้มรังสิต-มธ. รังสิต
15).รถไฟชานเมืองสีแดงอ่อน ศิริราช-ตลิ่งชัน-ศาลายา
16).รถไฟเชื่อม 3 สนามบินแบบไร้รอยต่อ
17).รถไฟฟ้าสายสีส้ม บางขุนนนท์ – ศูนย์วัฒนธรรมฯ
18).ทางพิเศษพระราม3-ดาวคะนอง-วงแหวนฯ
19).ทางด่วนขั้นที่ 3 ตอน N2
20).จุดพักรถบรรทุก จ.บุรีรัมย์-ขอนแก่น
21).ท่าอากาศยานขอนแก่น (อาคารผู้โดยสาร)
22).ท่าอากาศยานกระบี่ (ลานจอดรถ/ระบบไฟฟ้า)
23).ระบบตั๋วร่วม
ทั้ง 23 โครงการดังกล่าวมีพื้นที่ก่อสร้างอยู่ทั่วประเทศ ย่อมเปิดโอกาสให้ธุรกิจต่อเนื่องเกี่ยวข้องกับการรับเหมาก่อสร้างมีโอกาสได้รับผลดีทางธุรกิจไม่มากก็น้อย นอกเหนือจากบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่เข้าประมูลชนะเซ็นสัญญาก่อสร้างที่ได้รับประโยชน์โดยตรง
โครงการที่รอคิวผ่าน PPP./มติครม.
โครงการที่มีความพร้อมให้คณะกรรมการ Public Private Partnership (PPP) พิจารณาเห็นชอบ หรือคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติภายในปี พ.ศ.2561 รวม 21 โครงการ วงเงินลงทุน 914,000 ล้านบาท ประกอบด้วยโครงการใน Action Plan 2559 จำนวน 4 โครงการ Action Plan 2560 จำนวน 11 โครงการ และเป็นโครงการใหม่จำนวน 6 โครงการ แยกเป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่ทางถนน 10 ทางราง 8 โครงการ ทางน้ำ 2 โครงการ และทางอากาศ 1 โครงการ มีรายชื่อดังนี้
1) โครงการศูนย์การขนส่งชายแดน จ.นครพนม
2) โครงการพัฒนาสถานีขนส่งสินค้าภูมิภาค (ชายแดน 9 จังหวัด)
3) โครงการพัฒนาสถานีขนส่งสินค้าภูมิภาค (เมืองหลัก 8 จังหวัด)
4). ทางพิเศษกะทู้ –ป่าตอง –ภูเก็ต
5).มอเตอร์เวย์ทางยกระดับ H35 กรุงเทพฯ – มหาชัย
6).โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายหาดใหญ่-ชายแดนไทย/มาเลเซีย
7).โครงการก่อสร้าง มอเตอร์เวย์ นครปฐม-ชะอำ
8).มอเตอร์เวย์ทางยกระดับอุตราภิมุข-รังสิต-บางปะอิน
9).จัดซื้อรถใช้ไฟฟ้า (EV) 35 คัน
10).จัดซื้อรถโดยสาร NGV 489 คัน
11).ระบบขนส่งมวลชน จ.ขอนแก่น
12).ระบบขนส่งมวลชน จ.นครราชสีมา
13).โครงการก่อสร้างระบบขนส่งมวลชน จ.เชียงใหม่
14).รถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-เชียงใหม่
15).รถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-หัวหิน
16).รถไฟชานเมืองสีแดงอ่อน บางซื่อ-หัวหมาก และสีแดงเข้ม บางซื่อ-หัวลำโพง
17).รถไฟฟ้าสายสีม่วง เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ
18).ระบบขนส่งมวลชนภูเก็ต
19.พัฒนาธุรกิจท่าเรือบก จ.ขอนแก่น
20.พัฒนาท่าเรือแหลมฉบังชั้นที่ 3
21).โครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (Maintenance Repair and Overhaul : MRO)
ประเมินแผนปฏิบัติการที่ผ่านๆ มาแล้ว พอตั้งความหวังได้ว่า ทั้ง 21 โครงการนี้ควรผ่านมติคณะรัฐมนตรีได้เกินครึ่ง เพื่อเดินทางไปสู่การประมูลงานต่อไป
อย่างไรก็ตามจุดสำคัญอยู่ที่ผลักดันให้มีการประมูลงานทั้ง 23 โครงการตามที่ Action Plan 61 กำหนดไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการรถไฟทางคู่ที่หากดำเนินการได้ตาม Action Plan มีทางคู่ทั่วประเทศ และสามารถเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้านรอบไทย (ซึ่งใช้รางขนาด 1.00 เมตรเท่านั้น ไม่ต้องเปลี่ยนโบกี้รถไฟ) รถไฟทางคู่ทั่วประเทศมีบทบาทสำคัญในการยกระดับการคมนาคมขนส่งระบบรางระหว่างเมือง มีผลดีกับเศรษฐกิจหัวเมืองต่างๆ ทั้งหัวเมืองใหญ่และหัวเมืองรอง ส่งผลดีการค้าขายชายแดนที่สามารถใช้ระบบรางในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน สร้างเศรษฐกิจ-ธุรกิจให้มีความพร้อมรองรับรถไฟความเร็วสูงที่มีจุดจอดเฉพาะหัวเมืองใหญ่ อันเป็นความเหมาะสมทั้งระยะห่างระหว่างสถานีและความเหมาะสมของจำนวนการใช้บริการ
#