มีข้อขัดแย้งและมีเรื่องจำนวนมากให้บริหารจัดการในแง่มุมของการใช้ประโยชน์ทางกายภาพ-การใช้ประโยชน์พื้นที่ใช้สอยในช่วงเปลี่ยนจากสังคมเกษตรกรรมมาสู่สังคมอุตสาหกรรม และพาณิชยกรรม จนถึงการบริหารจัดการพื้นที่ใช้สอยในยุคเร่งขับเคลื่อนประเทศไทย 4.0 สาระสำคัญหนึ่งที่เกิดขึ้นจากมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 20 มิถุนายน 2560 เรื่อง สรุปผลการประชุมคณะกรรมการภูมิสารสนเทศแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2560 มีจุดที่น่าสนใจติดตามอย่างต่อเนื่อง
อีกหนึ่งแผนแม่บท
การบริหารจัดการของรัฐบาลหลายต่อหลายชุดมักมี “แผนแม่บท” ล่าสุด (วันที่ 20 มิถุนายน 2560) คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการของ (ร่าง) แผนแม่บทภูมิสารสนเทศแห่งชาติและมาตรฐานภูมิสารสนเทศของประเทศ จำนวน 10 เรื่อง ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ประธานกรรมการภูมิสารสนเทศแห่งชาติเสนอ และให้คณะกรรมการภูมิสารสนเทศแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงานตามอำนาจหน้าที่ต่อไป โดยให้ความสำคัญกับการบูรณาการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเชื่อมโยงข้อมูลเรื่อง Big Data ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม และมีข้อมูลที่สามารถสนับสนุนและสอดคล้องกับการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ (one map) การจัดทำผังเมือง รวมทั้งด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยได้บัญญัติไว้ด้วย ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการภูมิสารสนเทศแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
แผนแม่บทเพื่อรองรับยุทธศาสตร์แห่งชาติ
ทั้งนี้ เมื่อมีกฎหมายยุทธศาสตร์ชาติแล้ว ให้คณะกรรมการภูมิสารสนเทศแห่งชาติพิจารณาทบทวนและปรับปรุงแผนแม่บทภูมิสารสนเทศแห่งชาติอีกครั้ง เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายยุทธศาสตร์ชาติ และให้เสนอคณะรัฐมนตรีทราบต่อไปด้วย
สาระสำคัญของ (ร่าง) แผนแม่บทภูมิสารสนเทศแห่งชาติ เป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางด้านภูมิสารสนเทศ (National Spatial Data Infrastructure : NSDI) โดยมีองค์ประกอบหลัก 4 ส่วน ได้แก่
(1) กรอบนโยบายและโครงสร้าง (Policy)
(2) ชุดข้อมูลภูมิสารสนเทศพื้นฐาน (fundamental Geographic Data Set : FGDA)
(3) มาตรฐานทางด้านภูมิสารสนเทศ (Standards)
(4) ระบบสืบค้นและบริการภูมิสารสนเทศแห่งชาติ (Clearinghouse/Portal)
และ (5) ความพร้อมด้านภูมิสารสนเทศ (Capacity)
อย่างไรก็ตาม แม้ในช่วงเวลาถัดมาจะได้มีการดำเนินการตามที่เสนอไว้ในแผนหลายประการ แต่ร่างแผนแม่บททางด้านภูมิสารสนเทศแห่งชาติฉบับนี้ยังไม่เคยประกาศใช้อย่างเป็นทางการ
กำหนด 4 ยุทธศาสตร์ 10 มาตรฐาน
ทั้งนี้ (ร่าง) แผนแม่บทฯ ได้กำหนดยุทธศาสตร์ 4 ยุทธศาสตร์ ซึ่งมีส่วนสนับสนุนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลและการปรับเปลี่ยนภาครัฐสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล โดยมีการนำข้อมูลภูมิสารสนเทศมาใช้ตอบสนองมาตรการที่สำคัญ เช่น การบูรณาการข้อมูลผ่านระบบเชื่อมโยงข้อมูลกลางการเกษตรแบบครบวงจรรายบุคคลผ่านการบูรณาการ การยกระดับความมั่นคงปลอดภัยของประชาชน การบูรณาการข้อมูลเพื่อป้องกันภัยพิบัติธรรมชาติ การบูรณาการข้อมูลระหว่างหน่วยงานเพื่อการบริหารจัดการในภาวะวิกฤต ประกอบด้วย
ยุทธศาสตร์ที่ 1 ปรับปรุงกฎ ระเบียบให้สอดคล้องกับภูมิทัศน์ใหม่ทางภูมิสารสนเทศ
ยุทธศาสตร์ที่2 สร้างระบบข้อมูลภูมิสารสนเทศกลางของภาครัฐ
ยุทธศาสตร์ที่3 พัฒนาเว็บท่าและระบบให้บริการข้อมูลภูมิสารสนเทศทุกภาคส่วน
ยุทธศาสตร์ที่ 4 พัฒนาทรัพยากรมนุษย์และส่งเสริมผลักดันให้มีการสร้างมูลค่าเพิ่มจากเทคโนโลยีและข้อมูลภูมิสารสนเทศ
มาตรฐานภูมิสารสนเทศของประเทศ จำนวน 10 เรื่องได้แก่
(1) มาตรฐานภูมิสารสนเทศการประยุกต์ใช้ภาษาโครงร่างเชิงแนวคิด
(2) มาตรฐานภูมิสารสนเทศ
(3) มาตรฐานโพรไฟล์ของภูมิสารสนเทศ
(4) มาตรฐานภูมิสารสนเทศโครงร่างเชิงพื้นที่
(5) มาตรฐานภูมิสารสนเทศโครงร่างเชิงเวลา
(6) มาตรฐานภูมิสารสนเทศโครงร่างกฎสำหรับการประยุกต์ภูมิสารสนเทศ
(7) มาตรฐานภูมิสารสนเทศการเข้ารหัส
(8) มาตรฐานภูมิสารสนเทศรูปลักษณ์ทางภูมิสารสนเทศ
(9) มาตรฐานภูมิสารสนเทศระบบให้บริการระบุตำแหน่งหลายรูปแบบสำหรับแสดงเส้นทางและการนำร่อง มาตรฐานภูมิสารสนเทศกระบวนการลงทะเบียนภูมิสารสนเทศ
และ (10) การกำหนดมาตรฐานกลางสำหรับระบบสำรวจข้อมูลระยะไกลและระบบภูมิสารสนเทศที่ประกาศโดย สทอภ. 2 เรื่อง คือ ข้อกำหนดของมาตรฐานโครงสร้าง เนื้อหา คุณลักษณะ คุณภาพ ของชุดข้อมูลภูมิศาสตร์พื้นฐาน เล่ม 1 และ 2
ขยายความ
หากประมวลและประเมินว่า ขั้วอำนาจทางเศรษฐกิจการเมืองของคณะรักษาความสงบแห่งชาติชุดปัจจุบันสามารถบริหารจัดการ “ส่วนแบ่งความมั่งคั่งและอำนาจ” ได้อย่างต่อเนื่อง 5 ปี 10 ปี หรือ 15-20 ปี ตามแผนยุทธศาสตร์แห่งชาติ ก็สมควรให้น้ำหนักกับ (ร่าง) แผนแม่บทภูมิสารสนเทศแห่งชาติ ให้มากเข้าไว้ ศึกษารวบรวมแนวคิดและข้อมูลมาประกอบการวางแผนและตัดสินใจในการบริหารจัดการธุรกิจ กระนั้นก็ตามแม้ว่าเกิดการประเมินว่า ขั้นอำนาจทางเศรษฐกิจและการเมือง อาจมีการเปลี่ยนแปลง แต่ก็มิใช่หมายความ สภาพทางกายภาพ-ภูมิศาสตร์ของประเทศเปลี่ยนแปลงตาม แนวคิดหลัก ๆ ในการบริหารจัดการการใช้ประโยชน์พื้นที่ใช้สอย ย่อมไม่เปลี่ยนไปมากนัก ที่เปลี่ยนไปคือ การจัดสรรปันส่วน ผลประโยชน์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
สรุปให้ชัดคือ ประวัติศาสตร์ประเทศไทยที่ผ่านมา “แผนพัฒนา” ส่วนใหญ่ไม่เปลี่ยนแปลง ที่เปลี่ยนแปลงคือ กลุ่มขั้วอำนาจทางการเมืองที่ได้รับประโยชน์จาก “แผนพัฒนา” การแบ่งปัน-จัดสรรปันส่วนอำนาจและความมั่งคั่งนั้นไม่มีความเสมอภาคมาแต่ไหนแต่ไร เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับความเข้มแข็ง-พลัง ของแต่ละฝ่ายที่ดำรงอยู่จริงในแต่ละช่วงเวลาของการต่อรอง
ในประเด็นอำนาจหน้าที่ของกรรมการภูมิสารสนเทศแห่งชาติไปดูรายละเอียดได้ที่
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2556/E/084/1.PDF
#