ทาทา สตีล ฯ  มุ่งมั่นผลิตสินค้าตามมาตรฐาน มอก.ปรับปรุงใหม่  ชี้มีจุดสังกต 5 จุดไว้ตรวจสอบมาตรฐานมอก. ได้ในเบื้องต้น  ย้ำหากพิจารณาซื้อจากยี่ห้อมีหลักประกันเพิ่มขึ้น

นายชัยเฉลิม บุญญานุวัตร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ - การตลาดและการขาย บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “บริษัทยึดนโยบายส่งเสริมการปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพของเหล็กเส้นก่อสร้างอย่างต่อเนื่องตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) และมาตรฐานระดับโลก เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค และสนับสนุนอุตสาหกรรมก่อสร้างให้เติบโตและพัฒนาตามนโยบายประเทศไทย 4.0 ของภาครัฐ

ทาทา สลีต ได้ลงทุนเครื่องมือและอุปกรณ์ในการตรวจสอบคุณภาพที่ทันสมัย ผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพผ่านการควบคุมการผลิตในทุกขั้นตอน  เริ่มจากการคัดแยกเศษเหล็กให้ได้คุณภาพที่ต้องการ ระหว่างกระบวนการผลิตมีการเก็บตัวอย่างเพื่อทดสอบค่าเคมี การตรวจสภาพเหล็กแท่ง การควบคุมขนาดและน้ำหนัก การตรวจสอบคุณสมบัติทางกลของสินค้า เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าเหล็กเส้นก่อสร้างทุกเส้นที่ผลิตมีคุณภาพเหมาะกับการใช้งานและมีส่วนสำคัญในการทำให้โครงสร้างอาคารแข็งแรง ปลอดภัย  ทั้งนี้เนื่องจากเหล็กเส้นนั้นอยู่คู่กับโครงสร้างอาคารไปตลอดอายุของอาคารนั้นๆ  จึงมีผลระยะยาวต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้อยู่อาศัย นอกจากนี้เหล็กเส้นคุณภาพดีทำให้งานก่อสร้างเสร็จเร็ว ไม่ต้องมีการรื้อหรือแก้งานในภายหลัง  การดำเนินการเหล่านี้เพื่อให้ทุกโครงการก่อสร้างสามารถเลือกใช้เหล็กคุณภาพ “ทาทา ทิสคอน” อย่างมั่นใจ

ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ - การตลาดและการขาย บริษัท ทาทา สตีล  ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงนี้มีสถานการณ์เหล็กเส้นล้นตลาด อีกทั้งอาจมีเหล็กเส้นก่อสร้างที่ไม่ได้คุณภาพตามมาตรฐาน มอก. ปะปนอยู่ในตลาด ในฐานะผู้นำการผลิตและจำหน่ายเหล็กเส้นก่อสร้างรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย จึงตระหนักถึงความสำคัญของการเลือกใช้เหล็กของผู้บริโภคให้ได้เหล็กเส้นก่อสร้างที่ได้คุณภาพ เพื่อตอบสนองการใช้งานของผู้สร้างบ้าน รวมทั้งการลงทุนของภาครัฐ และภาคเอกชน การซื้อเหล็กการรับมอบสินค้าทุกครั้งต้องสังเกตเหล็กที่ได้คุณภาพ ตามมาตรฐาน มอก. นั่นคือ เหล็กเส้นกลม มอก. 20-2559  เหล็กข้ออ้อย มอก. 24 – 2559  อย่างไรก็ตามผู้ซื้อสามารถพิจารณาจุดสังเกต 5 จุดดังนี้

1.ตัวนูนบนเนื้อเหล็ก ต้องแสดงข้อมูลต่อไปนี้อย่างครบถ้วนบนเนื้อเหล็กเส้นกลม เหล็กเส้นข้ออ้อยทุกเส้น ได้แก่ เครื่องหมายการค้า โรงงานผู้ผลิต ประเภทของสินค้า ชั้นคุณภาพ ขนาด กระบวนการผลิต เช่น EF ซึ่งเป็นกระบวนการผลิตเหล็กของบริษัทด้วยเตาหลอมไฟฟ้าที่เป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่และรักษาสิ่งแวดล้อม

2.ผิวเหล็ก เหล็กเส้นกลม ต้องมีผิวเรียบเกลี้ยง ไม่มีปีก ไม่มีลูกคลื่น หน้าตัดต้องกลม ไม่เบี้ยว ผิวไม่มีรอยปริแตก ในขณะที่เหล็กเส้นข้ออ้อย ต้องมีระยะห่างของบั้งเท่ากัน สม่ำเสมอตลอดทั้งเส้น ผิวไม่มีรอยปริแตกร้าว

3.ขนาดและน้ำหนัก เหล็กที่ดีต้องมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางและน้ำหนักถูกต้องตามที่ มอก. ระบุ

4.ดัดโค้งได้โดยไม่ปริแตก เหล็กเส้นก่อสร้างมักนำไปดัดเพื่อให้เข้ากับรูปทรงของสิ่งก่อสร้าง เหล็กเส้นที่ดีเมื่อดัดโค้งตามมาตรฐานแล้วต้องไม่ปริแตกและหักง่าย

5.ไม่เป็นสนิม เหล็กเส้นที่ดีต้องไม่เป็นสนิมขุม เพราะสนิมขุมกินเข้าไปในเนื้อเหล็ก ทำให้ความแข็งแรงของเหล็กลดลง แต่สนิมผิวสามารถเกิดบนผิวเหล็กได้ ไม่เป็นอันตรายต่อการใช้งานและกำลังรับแรงดึงของเหล็กเส้น วิธีสังเกตสนิมผิว ให้ใช้ผ้าหรือกระดาษทรายขัดตรงที่เป็นสนิม ถ้าสนิมหลุดออกง่ายไม่มีรอยสนิมฝังลึกในเนื้อเหล็ก แสดงว่าเป็นสนิมผิวสามารถใช้งานได้ แต่ถ้าขัดแล้วพบสนิมฝังลึกในเนื้อเหล็กหรือสนิมขัดไม่ออก แสดงว่าเป็นสนิมขุม ไม่ควรนำมาใช้งาน

นายชัยเฉลิม กล่าวตอนท้ายว่า สิ่งสำคัญที่สุดที่ผู้บริโภคควรคำนึงถึงคือ เหล็กเส้นที่มีกระบวนการผลิตตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) เพื่อการใช้งานสิ่งก่อสร้างที่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน ทั้งนี้นอกจากการผลิตและควบคุมคุณภาพสินค้าของบริษัทฯ ให้เป็นไปตาม มอก. ฉบับใหม่แล้ว บริษัทฯยังได้ยกระดับในเชิงคุณภาพเพิ่มขึ้น เช่น การคิดค้นและพัฒนาเหล็กเส้นก่อสร้างให้มีความเหนียวสูง สามารถดัดโค้งได้ง่ายโดยไม่แตกร้าว การพัฒนาครีบ-บั้งของเหล็กเส้นข้ออ้อยให้ยึดเกาะกับปูนได้ดีขึ้นด้วยการคำนวนค่าพื้นที่ในการยึดเกาะปูน แม้ไม่มีกำหนดไว้ในมาตรฐานมอก. ไทย แต่มีระบุไว้ในมาตรฐานต่างประเทศ มีการผลิตเหล็กที่มีสิ่งเจือปนต่ำเพื่อความแข็งแรงและความปลอดภัยในการใช้งานเหล็กเส้นก่อสร้าง ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ทางบริษัทฯได้รคิดค้นพัฒนา เพื่อยกระดับสินค้าให้มีคุณภาพสูงขึ้น มีคุณค่าใช้งานเพิ่มขึ้น เพื่อให้อุตสาหกรรมก่อสร้างของประเทศไทยมีการเติบโตที่มั่นคง ยั่งยืน และมีคุณค่า-มูลค่าสูงทัดเทียมกับนานาประเทศ  คุณสมบัติต่างๆ ดังกล่าวนั้นรวมอยู่ในผลิตภัณฑ์เหล็ก TATA TISCON  ของทาทา  สตีลฯ

#